6 สิ่งที่ควรรู้  ก่อนตัดสินใจฉีด Botox

เมื่อพูดถึงการฉีดโบท็อกซ์ สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคือ การฉีดสารบางอย่างเข้าไปเพื่อทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง แน่นอนว่ามีบางคนยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ในความเป็นจริงการฉีดโบท็อกซ์เป็นการคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเรียบเนียน ด้วยผลลัพธ์ที่น่าทึ่งหลายคนจึงชื่นชอบเทคนิคนี้ เพียงใช้เวลาทำไม่กี่นาที แต่ประสิทธิภาพที่ได้คงอยู่ได้นานหลายเดือน สำหรับผู้ที่สนใจแต่ยังไม่กล้าลอง มาดูกันว่ามีสิ่งใดบ้างที่ควรรู้

1.ยาที่ใช้ฉีดมาจากที่ไหน

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกเสริมความงามหรือโรงพยาบาลใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ เพราะคำว่า Botox เป็นชื่อทางการค้าที่ผลิตโดยบริษัทยายักษ์ใหญ่ของอเมริกา ยังมี Neuronox จากประเทศเกาหลี หรือ Dysport จากประเทศอังกฤษ และยี่ห้ออื่นๆอีก เราเองควรที่จะทำการศึกษาข้อมูลก่อนล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุ อาจมีการปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ บรรจุภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้เปิด และแพทย์ที่ทำการฉีดต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

2.อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกเกินไป

การสืบค้นข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบราคาการฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละที่ทำได้ไม่ยาก หรือจะเดินเข้าไปสอบถามราคาตามคลินิกเสริมความงามโดยตรงก็ได้เช่นกัน ราคาค่าบริการส่วนใหญ่ไม่ต่างกันมากนัก หากพบว่ามีราคาถูกเกินไป อย่าเพิ่งดีใจและรีบตัดสินใจทำทันที ให้นึกไว้ก่อนเลยว่ายาอาจมีประสิทธิภาพลดลง มีสาเหตุมาจากการเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพลง หรืออาจจะมาจากซัพพลายเออร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย รวมถึงผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมควรตัดสินใจเลือกคลินิกที่ผ่านการรับรองก่อนเข้ารับบริการ

3.เลี่ยงการใช้ยาบางชนิดก่อนฉีดโบท็อกซ์

ควรเลี่ยงใช้ยาที่ต้านการแข็งตัวเลือด เช่น Aspirin และ Ibuprofen ก่อนทำการรักษา เพราะยาเหล่านี้ขัดขวางการแข็งตัวของเลือดและเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำเนื่องจากเข็ม รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระบางอย่าง ก็สามารถเพิ่มความเปราะบางให้กับหลอดเลือดได้ ควรงดอย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์

4.การให้คำปรึกษาเป็นสิ่งสำคัญ

แพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้ว่าควรจัดการกับปัญหาอย่างไร มีการประเมินอย่างรอบคอบในตำแหน่งที่จะทำการฉีด เพื่อดูว่าใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผู้ที่เข้ารับบริการจำเป็นที่จะต้องพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการจะทำ นอกจากนี้ควรได้รับการประเมินด้านสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ปัญหาสุขภาพบางอย่าง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

5.ช่วงอายุก็สำคัญเช่นกัน

ผู้ที่สามารถใช้วิธีการฉีดโบท็อกซ์ได้จะอยู่ในวัยยี่สิบปลายๆไปจนถึงช่วงสามสิบต้นๆ เพราะริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้าเริ่มปรากฏให้เห็น หากเริ่มก่อนช่วงอายุนี้อาจไม่คุ้มเท่าไหร่นัก เพราะปัญหายังมีไม่มากพอ หลายคนอาจมองว่าทำไมไม่รอให้ถึงอายุห้าสิบแล้วค่อยทำการฉีด อย่างที่ทราบกันว่าการฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้แก้ไขเฉพาะริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวจากการมีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่ให้เล็กลงได้อีกด้วย ดังนั้นวัตถุประสงค์ในแต่ละคนจึงต่างกันออกไป สิ่งที่ต้องกังวลอาจมีเพียงแค่ว่าเมื่อตัดสินใจฉีดแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ พอรูปหน้ากลับมาเหมือนเดิมแล้วอยากกลับไปฉีดใหม่ ทำหลายๆครั้งอาจกลายเป็นการเสพติดได้โดยไม่รู้ตัว

6.การดูแลตัวเองหลังฉีดเป็นสิ่งสำคัญ

อาการบวมหลังฉีดเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นควรแจ้วให้แพทย์ทราบทันที ควรศึกษาดูว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากทำเสร็จ การฉีดโบท็อกซ์ไม่สามารถทำร่วมกับทรีทเม้นท์หน้าบางอย่างได้ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การออกกำลังกายอย่างหนัก ความร้อนที่กระทบต่อใบหน้าในทุกรูปแบบ หรือการเดินทางโดยเครื่องบินทันที เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงความดันในห้องโดยสารส่งผลต่อการแพร่กระจายของสารที่ทำการฉีดเข้าไป ต้องรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนกว่าผิวหน้าจะพร้อม

อย่างไรก็ตามการฉีดโบท็อกซ์ยังคงเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเสริมความงามที่ได้รับความนิยม นอกจากเห็นผลชัดเจนแล้ว แทบจะไม่เกิดผลข้างเคียงในกรณีที่ทำอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจก็ เพื่อให้การฉีดโบท็อกซ์เป็นไปตามความต้องการมากที่สุด

Leave a Reply