ข้อแตกต่างระหว่าง Meso Fat vs Botox

การแก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้า หรือการปรับแต่งให้ดูดีสมส่วนมากขึ้นนั้น บางครั้งอาจต้องพึ่งเทคนิคมากกว่าหนึ่งอย่าง แน่นอนว่าเราเองคงกำหนดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ในการเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่นเดียวกับการอยากมีใบหน้าที่เรียวเล็กได้รูป นวัตกรรมความงามที่มีหลายรูปแบบ ทำให้หลายคนเกิดคำถามในใจว่าต้องทำอะไรบ้างจึงจะได้ตามที่คาดหวัง ส่วนใหญ่ที่นิยมคือ การฉีด Meso Fat และBotox แม้จะทำเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันคือปรับรูปหน้า แต่มีข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าสองเทคนิคนี้แตกต่างกันอย่างไร

มาทำความรู้จักกับ Meso Fat และ Botox กันซักนิด

MesoFat

คือการฉีดสารที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลายไขมันส่วนเกินและเซลลูไลต์ จะทำการฉีดเข้าสู่ผิวหนังลึกเข้าไปในชั้นไขมัน สารเหล่านี้เป็นสารสกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง และวิตามินอีกหลายชนิด ทําหน้าที่ให้ไขมันที่จับตัวเป็นก้อนแตกตัวกลายเป็นไขมันเหลว  ถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ รวมทั้งยังสกัดกั้นการสะสมของไขมัน ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดและระบบต่อมน้ำเหลืองทำงานสะดวกมากขึ้น เนื้อเยื่อบริเวณรอบๆจึงมีความแข็งแรงและกระชับขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างเนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ สามารถสลายออกจากร่างกายได้ หลังการฉีดจะเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับไขมันที่สะสมอยู่ตรงบริเวณที่ฉีดว่ามีมากน้อยเพียงใด

Botox

คือชื่อทางการค้าของสาร Botulinum Toxin Type A เป็นโปรตีนที่สกัดได้จากแบคทีเรีย Clostridium botulinum  ในแต่ละประเทศที่ใช้ก็จะมียี่ห้อต่างกันเช่น อังกฤษก็จะใช้ชื่อ Dysport  เกาหลีก็มีหลายยี่ห้อแต่ที่คุ้นกันในบ้านเราเช่น  Neuronox Botulax หรือ Nabota  ด้วยคุณสมบัติในการออกฤทธิ์ที่ส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดนั้นมีการคลายตัว  ลดการหดเกร็ง ผิวหนังด้านบนจึงดูเรียบขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยของใบหน้าชั่วคราว นิยมทำเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น หางตาตก คิ้วตก ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามในการปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้เรียวสวย จะเริ่มเห็นผลหลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน

สรุปให้เข้าใจง่ายๆก็คือ Meso Fat เป็นการฉีดสลายไขมัน ส่วน Botox ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดริ้วรอย สำหรับการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวมากขึ้น บางคนอาจใช้แค่วิธีเดียว หรือใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กันไป ปริมาณสารที่ฉีดเข้าไปก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลเช่นกัน

 

ส่วนไหนบนใบหน้าที่มักพบปัญหา จะใช้วิธีใดแก้ไขได้อย่างตรงจุด

  • กระดูกช่วงกราม

ถ้ากระดูกกรามใหญ่ ขนาดของใบหน้าก็จะดูใหญ่ไปด้วย นี่คือโครงหน้าที่มีมาตั้งแต่เกิด ทั้ง Meso Fat และ Botox ไม่ช่วยอะไร กรณีนี้ต้องปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งเท่านั้น

  • กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคี้ยว

เป็นอีกส่วนที่ทำให้ใบหน้าดูใหญ่ วิธีสังเกตคือ ลองกัดฟันให้แน่นแล้วเอามือสัมผัสดู ส่วนที่นูนขึ้นมานั่นก็คือกล้ามเนื้อนี่เอง และการปรับแต่งรอบๆกรอบหน้าให้ดูเข้ารูปซึ่ง Botox จัดการกับเรื่องนี้ได้

  • แก้ม

ใบหน้าที่ดูอวบอิ่มไม่ว่าจะเป็นตามธรรมชาติหรือทานเยอะเกินไปหน่อย ตรงส่วนนี้คือบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่ ช่วงวัยเด็กแก้มป่องๆก็ดูน่ารักดี แต่เมื่ออายุมากขึ้น ทุกอย่างเริ่มหย่อนคล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงโลก แก้มใหญ่ย้อยจึงเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน รวมไปถึงไขมันใต้คางหรือที่เรียกว่าเหนียงนั้นเอง กรณีเช่นนี้ Meso Fat สามารถช่วยได้

ทั้งสองวิธีนี้เหมาะกับกลุ่มช่วงอายุน้อยกว่า 30 ปี ไปจนถึงมากกว่า 40 ปี สำหรับคนที่อายุน้อยถ้าไขมันสะสมไม่เยอะ อาจไม่จำเป็นต้องทำการสลายไขมันก็ได้ นอกจากนี้ยังนิยมฉีดบริเวณอื่นอีกด้วยเช่น น่อง สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณน่องให้ดูฟีบลงขาจึงดูเรียวยาว ฉีดเมโสแฟตเป็นการลดสัดส่วนเฉพาะจุด แต่อาจต้องทำร่วมกับวิธีอื่นๆ รวมถึงต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อขจัดไขมันเก่าและลดโอกาสการสะสมของไขมันใหม่

 

การสรรหาสุดยอดเทคนิคในการดูแลตนเองให้ดูดีอย่างสม่ำเสมอถือเป็นเรื่องดี แต่อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยของสารที่ใช้ฉีด ต้องเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา และควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะจึงจะดีที่สุด

Leave a Reply