ริ้วรอยเป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนาของผู้หญิงหลายคน เพราะนั่นหมายถึงความร่วงโรยของผิว เป็นสัญญาณแห่งอายุที่เพิ่มขึ้น ไม่มีใครที่สามารถปฏิเสธเส้นริ้วรอยที่เต็มไปด้วยประสบการณ์แห่งการเดินทางที่แสนยาวนานนี้ได้ หากเส้นเหล่านี้มีจำนวนไม่มากเกินไป หรือเป็นไปตามวัยก็คงไม่น่ากังวลเท่าไหร่ แต่หากเกิดขึ้นเร็วเกินไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก สิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกทำคือ การหาวิธีชะลอให้เกิดขึ้นช้าที่สุด โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้าเลข 4 มีหนทางใดบ้างที่สามารถช่วยได้

1.ฉีด Botox และ Filler ทางเลือกที่น่าสนใจ

การทำทรีทเม้นท์โดยการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และไม่จำเป็นต้องรอให้มีอายุมากก็สามารถทำได้ แต่ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแต่ละคนมีปัญหา และโครงสร้างของใบหน้าที่แตกต่างกันไป ยังมีอีกหลายปัจจัยในการพิจารณาว่าควรใช้วิธีใดในการแก้ไข เช่น ริ้วรอยรอบดวงตาอาจไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ ร่องลึกข้างแก้มที่ทำให้มุมปากหย่อนคล้อยคล้ายกับคนที่หน้าบึ้งตลอดเวลาอาจใช้การฉีดโบท็อกซ์ แม้ทั้งสองวิธีจะให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง สามารถจัดการริ้วรอยลึกและความหย่อนคล้อยได้อยู่หมัดภายในช่วงระยะเวลาที่สารเหล่านี้ออกฤทธิ์ แต่มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง จึงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรวมถึงปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ

2.ทาครีมกันแดดให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ครีมกันแดดถือเป็นครีมต่อต้านริ้วรอยอันดับหนึ่งที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ปัญหาผิวต่างๆมักมีสาเหตุมาจากแสงแดด รังสีUVคือความอันตรายที่ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น ความหยาบกร้าน และจุดสีน้ำตาลบนใบหน้า แม้แต่แสงจากคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือก็ไม่น่าไว้ใจเช่นกัน ไม่ต้องห่วงว่าครีมกันแดดจะครอบคลุมไม่ทั่วถึง เพราะตลาดเครื่องสำอางมีการแข่งขันสูงพอๆกับแสงแดดที่ร้อนแรงขึ้นทุกวัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ครีมกันแดดจะมีการปรับปรุงพัฒนาสูตรให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่เลือกใช้ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์เท่านี้ก็สามารถช่วยปกป้องผิวให้ห่างไกลจากริ้วรอยและความหมองคล้ำได้

3.ใส่ใจกับการผลัดเซลล์ผิวมากขึ้นอักสักนิด

ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเซลล์ผิวโดยตรงหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนที่สามารถใช้ได้ทุกวัน เช่น กลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเออย่างเรตินอยด์ ที่กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ สามารถลดการสร้างเม็ดสีผิว เพิ่มการสร้างคอลลาเจนเป็นการช่วยลดริ้วรอยบางๆที่เกิดขึ้น รวมถึงแก้ปัญหารูขุมขนอุดตันที่อาจก่อให้เกิดสิวได้ แต่ต้องไม่ลืมเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวเช่นกัน เพราะผลข้างเคียงสำหรับบางคนคือ ผิวที่แห้งและอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย

4.เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้

ผิวและลำไส้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด สารพิษภายในลำไส้จะถูกปลดปล่อยออกสู่กระแสเลือด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว ผิวจึงต้องเผชิญกับความหมองคล้ำและหยาบกร้าน ที่แย่ไปกว่านั้นคือสิว ควรหันมารับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงและกลุ่มโพรไบโอติก (Probiotics) เป็นแบคทีเรียกับยีสต์ที่พบตามธรรมชาติในลำไส้ มีส่วนช่วยให้ลำไส้แข็งแรง มีอยู่ในอาหารหลายชนิดเช่น โยเกิร์ต กิมจิ ผักดอง หรือในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลร่างกายให้ดีขึ้น อาจใช้เวลาสองถึงสามสัปดาห์กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่นั่นถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่า

5.การใช้เทคโนโลยียกกระชับใบหน้า

มีให้เลือกตั้งแต่การร้อยไหม ไปจนถึงเทคนิคยกกระชับใบหน้าด้วยพลังงานความถี่สูง เช่น HIFU, Ulthera หรือ Thermage  แต่ละเทคนิคช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้ แต่มีวิธีการที่ต่างกันๆไปขึ้นอยู่กับปัญหา สำหรับบางคนอาจใช้หลายเทคนิคเข้ามาช่วยในการฟื้นฟูใบหน้าให้ออกมาดูดีมากที่สุด

การชะลออายุผิวมีตั้งแต่วิธีการง่ายๆที่ทำได้เป็นประจำอย่างเช่นการทาครีมกันแดด และเน้นการทานอาหารที่มีประโยชน์ ไปจนถึงการใช้นวัตกรรมทางความงามควบคู่กัน ควรดูแลผิวให้ครบทั้งภายในและภายนอก ขณะที่ยังอายุน้อยให้มุ่งเน้นไปที่การปกป้องผิวอย่างเต็มที่ เป็นการช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ผิว เมื่อถึงคราวที่อายุมากขึ้นปัญหาริ้วรอยที่เกิดจะได้ไม่รุนแรง และทำการแก้ไขได้ไม่ยาก