ทรีทเม้นต์ดูแลผิวหน้าแบบไหน ที่ใช่สำหรับเรา

สำหรับคนที่กลัวเข็มจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องการใช้เทคนิคเหล่านั้นดูแลผิวหน้า แต่ยังมีความต้องการที่จะปรนนิบัติผิวอยู่ คอร์สทรีทเม้นต์บำรุงผิวเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างแรกเลยคือไม่ต้องเจ็บตัวและไม่ต้องเสี่ยงกับการใช้สารเคมีที่ไม่แน่ใจว่าจะแพ้หรือไม่ฉีดเข้ามาในหน้า การทำทรีทเม้นต์ไม่ได้เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าเพียงอย่างเดียว ด้วยคุณสมบัติจากวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เรียบเนียน กระจ่างใสได้ ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา

ลองวิเคราะห์ถึงปัญหาผิวของตัวเองก่อนสักนิด

โดยพื้นฐานสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

• ผิวธรรมดา : ผิวที่มีความสมดุลไม่แห้งหรือมันจนเกิดไป บ่งบอกถึงสุขภาพผิวที่ดี
• ผิวแห้ง : ผิวมีความหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื่น
• ผิวมัน : มีลักษณะมัน เงา สามารถเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน
• ผิวผสม : มีความมันบริเวณทีโซนคือหน้าผาก จมูก และคาง บริเวณแก้มจะแห้ง

แต่ละช่วงอายุต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน

• ช่วงอายุ 20-30 ปี : สภาพผิวโดยทั่วไปยังมีการสร้าเซลล์ผิวใหม่หรือผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 21-28วัน มีความเรียบเนียนและกระชับ อาจมีปัญหาเล็กน้อย เช่น ขาดความชุ่มชื่น ริ้วรอยเล็กๆ
• ช่วงอายุ 30-40 ปี : การผลัดเซลล์ผิวเริ่มช้าลงอยู่ที่ประมาณ 30 วันขึ้นไป ผิวมีความหมองคล้ำ ริ้วรอยเริ่มปรากฏ ความยืดหยุ่นของผิวลดลง เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ
• ช่วงอายุ 40-50 ปี : การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน การเผชิญกับมลภาวะที่สะสมมาเป็นเวลานาน ริ้วรอยลึก ความหย่อยคล้อย ผิวบางและขาดความชุ่มชื่น

ทรีทเม้นต์ที่ทำส่วนใหญ่ มีอะไรบ้าง

AHA  Treatment

การใช้ AHA ที่มีปริมาณมากกว่า 5% มาช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เป็นการผลัดเซลล์ผิวทาง Chemical Peeling อย่างหนึ่ง เมื่อเซลล์ผิวเก่าหลุดลอกจะถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวใสขึ้น เรียบเนียนขึ้น รอยด่างดำจางลง AHA เป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ผลไม้ นม สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้ แต่สารที่ได้จากธรรมชาติออกฤทธิ์ดีกว่าและระคายเคืองผิวน้อยกว่า แก้ปัญหารอยแผลเป็น ฝ้า จุดด่างดำ เฉพาะบนผิวชั้นนอก

Facial Mask Treatment

นิยมทำเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการบำรุงผิว ตามคลินิกความงามจะมีมาส์กสูตรพิเศษเฉพาะตัวแตกต่างกันไป เช่น

• Acne Treatment Mask : มาส์กสำหรับผิวที่มีปัญหาสิว ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการอักเสบของผิว ลดความมันบนใบหน้า และกระชับรูขุมขน
• Whitening Treatment Mask : มาส์กสำหรับฟื้นฟูบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น ปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ
• Anti-Wrinkle Treatment Mask : มาส์กที่ช่วยในเรื่องลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว

Meso No Needle

เป็นการใช้เครื่องมือที่สามารถผลักตัวยา วิตามิน และอาหารผิวที่ต้องการเข้าสู่ผิวหนังชั้นบนเทียบเท่ากับการฉีดยา ทำให้ผิวได้รับสารอาหารเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ นิยมใช้ในการลดริ้วรอยเหี่ยวย่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว กระชับรูขุมขน และในเรื่องของสีผิวที่สม่ำเสมอ ลดฝ้ากระ ไม่เกิดบาดแผล ไม่เจ็บ  แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ เช่น

• Meso Rejuvenation : ทรีทเม้นต์บำรุงผิวล้ำลึก ช่วยให้หน้ากระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ
• Meso Brightening : ปรับผิวให้ขาวใส พร้อมบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน
• Meso Acne : ช่วยในการรักษาสิว
• Meso Lift : เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว พร้อมยกกระชับ

Oxygen Peeling Treatment

ต้นกำเนิดมาจากประเทศอิสราเอล ใช้สำหรับผลัดเซลล์ผิวโดยอาศัยแรงดันอากาศที่สูงมากพ่นสเปรย์น้ำเกลือและออกซิเจนออกมา ช่วยทำความสะอาด เสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว เทคนิคนี้ค่อนข้างอ่อนโยนและไม่ระคายเคือง

Facial Massage

เป็นศาสตร์ที่ช่วยบำบัดความอ่อนล้า อิดโรยของกล้ามเนื้อใบหน้า ช่วยในการยกกระชับ ทำให้ผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า ความเครียด รวมถึงช่วยลดอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้นจนรู้สึกได้ และกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองพร้อมขับของเสียจากใต้ผิวหนัง

Ultra Lift Treatment

ด้วยเทคโนโลยีการใช้เครื่องอัลตร้าซาวน์ที่มีพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนมาช่วยในการยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ซึ่งเป็นเซลล์หลักของการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน และยังลดการสะสมของไขมันบนใบหน้า เช่น แก้ม คาง ในกรณีที่ไม่มีปัญหามากนัก ส่งผลให้รูปหน้าเรียวขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

การทำทรีทเม้นต์แม้จะอยู่ในกระบวนการดูแลผิวหน้าที่ปลอดภัย ไม่ค่อยเกิดการระคายเคืองผิว แต่ข้อจำกัดบางอย่าง เช่น กรณีที่เป็นสิวเยอะมาก การทำทรีทเม้นต์อย่างเดียวคงไม่ตอบโจทย์ได้ทั้งหมดต้องอาศัยขั้นตอนอื่นๆร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผิวหนังที่สามารถให้คำแนะนำได้ และที่สำคัญที่สุดคือการดูแลผิวเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด เป็นการปกป้องผิวที่บอบบางหลังจากทำทรีทเม้นต์ เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงและฟื้นฟูอย่างเต็มที่