3.วิธีต่อสู้กับริ้วรอยตามแบบฉบับสาวขี้เกียจ

ริ้วรอยบนใบหน้าแม้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถห้ามให้เกิดขึ้นได้ แต่สามารถหาวิธีรับมือเพื่อช่วยชะลอระยะเวลาได้ แน่นอนว่าต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองค่อนข้างมาก แค่การตื่นนอนให้ทันและพยายามหาเวลาพักผ่อนให้เต็มที่ก็ทำได้ยากแล้ว อย่างเพิ่งกังวลไป! คุณกำลังมองหาทางลัดเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์อันน่าทึ่งอยู่ใช่หรือไม่ สำหรับสาวๆที่เบื่อหน่ายกับการทาครีมวันละหลายกระปุก หรือลองมาเยอะแล้วแต่ยังไม่เห็นผล มาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่ช่วยจัดการกับปัญหานี้ได้

1.มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลและวิตามินซี

ขั้นตอนพื้นฐานของการดูแลผิวหน้าที่เหมาะสำหรับสาวขี้เกียจที่ยังพอมีเวลา กับริ้วรอยที่ยังมีไม่เยอะเกินไป ความชุ่มชื่นคือสิ่งแรกที่ผิวของคุณต้องการ เป็นเหมือนเกราะป้องกันการเกิดปัญหาของสภาพผิวทุกรูปแบบ สองสิ่งที่ควรมีอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคือ เรตินอลและวิตามินซี

  • เรตินอล ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยของผิว เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเซลล์ผิวใหม่ซึ่งส่งผลให้ผิวดูนุ่มเรียบเนียนขึ้น โดยทั่วไปจะช่วยขจัดริ้วรอยที่มีในขณะที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ได้ ข้อจำกัดในการใช้คือ เหมาะสำหรับทาช่วงเวลากลางคืน ช่วงแรกอาจใช้เพียงแค่สัปดาห์ละสองครั้ง แล้วค่อยเพิ่มจำนวนครั้งจนแน่ใจแล้วว่าผิวหน้าไม่รู้สึกระคายเคืองอีกต่อไป อาจใช้เวลา 3-6 เดือนถึงเริ่มเห็นผล ถือเป็นส่วนผสมที่ดีที่สุดในการต่อต้านริ้วรอย
  • วิตามินซี ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะที่เป็นสาเหตุของจุดด่างดำ ริ้วรอย และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ สามารถใช้ได้ทุกเช้า เพียงแค่ทาลงบนใบหน้าเป็นอันดับแรกก่อนตามด้วยครีมบำรุงตัวอื่น และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพียงไม่กี่สัปดาห์จะรู้สึกได้ว่าผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยดูจางลงหลังจากใช้ประมาณ 3 เดือน

2.การผลัดเซลล์ผิวด้วย Glycolic acid

สิ่งที่แย่ที่สุดคือการนอนหลับโดยที่ปล่อยให้ใบหน้าเต็มไปด้วยเมคอัพที่ยังไม่ถูกล้างออก จะมีอะไรแย่ไปกว่าคราบเครื่องสำอางรวมกับคราบสกปรกอื่นๆอีกหล่ะ บางครั้งแค่ล้างหน้าด้วยโฟมแบบทั่วไปอาจไม่เพียงพอ เพราะยังมีสารตกค้างต่างๆอยู่บนใบหน้า เกิดการสะสมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาได้ ลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิกเพียงแค่สัปดาห์ละครั้ง แต่ไม่ควรมากไปกว่านั้นเพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้ เป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ใหม่ให้เร็วขึ้น ช่วยในการรักษาสิว ลดเลือนจุดด่างดำและรอยแผลเป็น ริ้วรอยตื้นๆดูเรียบเนียนขึ้น แม้ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เทียบเท่าเรตินอล แต่ก็คุ้มค่าที่จะลอง

3.เทคโนโลยีความงามที่ช่วยคุณได้

ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ การจัดการกับริ้วรอยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการเจ็บตัวอีกต่อไป มีหลายทางเลือกที่น่ากลัวน้อยกว่าการทำศัลยกรรม แม้แต่คนที่กลัวเข็มก็หมดห่วงได้ มีให้เลือกทำตั้งแต่เฉพาะจุดไปจนถึงการยกกระชับทั่วทั้งใบหน้า เช่น

  • Botox เหมาะสำหรับริ้วรอยที่มองเห็นเป็นร่องลึก ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลที่ชัดเจนและรวดเร็ว
  • Filler เป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อแก้ไขริ้วรอยร่องลึกตามบริเวณต่างๆ เช่น หน้าผาก มุมปาก ให้ดูกระชับเต่งตึงเรียบเนียน
  • ร้อยไหม เป็นการนำไหมละลายมาร้อยเป็นเครือขายใต้ชั้นผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จนเกิดการดึงรั้งให้ผิวหน้าดูกระชับ
  • เทคโนโลยีที่ใช้เครื่องความถี่สูง เช่น ULTHERA และ HIFU วิธีนี้ถือว่าเจ็บน้อยมาก และที่สำคัญคือไม่มีการใช้เข็ม เป็นการนำเอาคลื่นอัลตราซาวน์ที่มีความเข้มสูงเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อชั้นผิวหนังระดับลึกจนเกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ส่งผลให้ผิวหน้าดูตึงกระชับ

 

หลากหลายวิธีที่นำมาฝากกันนี้ เชื่อว่าคงช่วยประหยัดเวลาในการดูแลใบหน้า ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากไปพอสมควร อย่าลืมว่าการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต้องเหมาะกับสภาพผิวเช่นกัน ที่สำคัญคือการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ปัญหาเสมอ และเมื่อถึงเวลาที่ไม่สามารถเอาชนะริ้วรอยได้อีกต่อไป จงภูมิใจเถิดว่าในช่วงอายุหนึ่งเราเองก็เคยมีใบหน้าที่ดูสวยงามเช่นกัน

Leave a Reply