Laser ครอบคลุมทุกการรักษาสิวจริงหรือ

วิวัฒนาการในการนำเลเซอร์มาใช้เกี่ยวกับความงามเป็นที่นิยม และให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก มีหลายปัญหาผิวหน้าที่ถูกแก้ไขด้วยวิธีนี้ หนึ่งในนั้นคือการรักษาสิว ตั้งแต่การฆ่าเชื้อไปจนถึงรอยแผลเป็นจากสิว โดยปรับระดับความเข้มแตกต่างกันออกไป แล้วสำหรับปัญหายากๆหล่ะ เลเซอร์สามารถจัดการได้หรือไม่ ลองมาค้นหาคำตอบกันว่าเลเซอร์ครอบคลุมทุกการรักษาสิวจริงหรือ

เลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว

วิธีที่นิยมใช้คือ Blue light Therapy  เป็นแสงสีฟ้าที่มีความยาวคลื่น 420 นาโนเมตร ใช้ในการรักษาและป้องกันการเกิดสิวอักเสบ เครื่อง blue light มี 2 ประเภท คือ แบบฉายส่องบนผิวและแบบยิงแสงลงบนผิว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาเท่าเทียมกัน เป้าหมายคือจะไปทำลายเชื้อแบคทีเรีย P.acne หนึ่งในต้นเหตุของการเกิดสิว และลดการทำงานของต่อมไขมันบนใบหน้า

เลเซอร์สิวอุดตัน VS กดสิว

เลเซอร์เป็นการเปิดหัวสิวแทนที่การใช้เข็มเจาะ เนื่องจากสิวอุดตันยากที่จะมองเห็น และมีชนิดที่เป็นสิวหัวปิด ระหว่างที่ทำเลเซอร์แล้วจะมีการกดสิวทำให้สิวหลุดออกมาได้ง่าย สามารถกำจัดออกได้หมด แต่หากเป็นวิธีการกดที่ต้องใช้แรงอาจทำได้ไม่ดีเท่า แถมยังเจ็บกว่าอีกด้วย เมื่อกดแล้วไม่ออกกลายเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งรักษายากกว่าเดิม เพราะเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวได้ เลเซอร์ที่นิยมใช้คือ CO2 Laser

เลเซอร์รักษาสิวอักเสบ

รักษาสิวอักเสบที่ต้นเหตุโดยใช้พลังงานจากแสงเลเซอร์ลงสู่ต่อมไขมันในผิวหนังชั้นลึก ทำให้ต่อมไขมันที่อยู่บนใบหน้าฝ่อลง ช่วยให้สิวอักเสบลดลงและเป็นการป้องกันการเกิดแผลเป็นจากการยุบตัวของสิว ร่วมกับการใช้ยาทาหรือยากินเท่าที่จำเป็น ผลข้างเคียงที่ได้คือเมื่อยิงเลเซอร์ต่อเนื่องจะทำให้ความมันบนใบหน้าลดลง

แม้แต่รอยสิว เลเซอร์ก็ช่วยได้

เทคโนโลยี Q-Switch Laser (ND-YAG) ใช้รักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิว (Melanin) ช่วยดูดกลืนทำลายเม็ดสีผิวชั้นตื้นและชั้นลึก เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร  สามารถผ่านไปได้ถึงผิวหนังชั้นหนังแท้  จึงช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ พร้อมทำให้คอลลาเจนเดิมจัดเรียงตัวอย่างมีระเบียบ โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นบน สามารถลดได้ทั้งรอยแดงและรอยดำจากสิว รวมถึงปัญหาฝ้ากระ ใบหน้าดูกระจ่างใสขึ้นแถมยังช่วยกระตุ้นให้หลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้อีกด้วย

 

ปัญหาหลุมสิวกับการใช้เลเซอร์

รักษาโดยใช้เครื่องเลเซอร์ประเภท Fraxel Laser ซึ่งอาศัยหลักการ  Fractional Photothermolysis ในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ปล่อยลำแสงเลเซอร์เป็นจุดขนาดเล็ก เปรียบเสมือนการเจาะรูที่มีขนาดเป็นไมครอนใต้ผิวแต่ละชั้น ตั้งแต่ผิวหนังชั้นบนไปสู่ชั้นหนังแท้โดยไม่มีเลือดออกบนผิว เนื่องจากแสงมีขบวนการที่ห้ามเลือดไปในตัว  มีความแม่นยำกับตำแหน่งที่ต้องการรักษา กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมของผิวหนัง เมื่อเซลล์เก่าแปรเปลี่ยนสภาพและถูกผลักให้หลุดลอกไป จะมีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน หรือที่คุ้นเคยกันดีว่าเป็นการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง นำมาใช้รักษาปัญหาผิวหนังต่างๆ มากมาย เช่น แผลเป็นจากสิว แผลเป็นจากการผ่าตัด  ริ้วรอยรอบดวงตา ผิวหมองคล้ำจากแสงแดด และฝ้า

ข้อจำกัดและข้อควรระวังของการใช้เลเซอร์

แน่นอนว่าเทคนิคนี้ทำให้สิวหายเร็ว แต่ต้องอาศัยระยะเวลาพักฟื้นใบหน้า และมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีอื่น รวมถึงมีข้อควรระวังคือ

  • หลีกเลี่ยงการปะทะแสงแดดโดยตรง รวมไปถึงความร้อนจากแหล่งต่างๆ ผิวหลังทำเลเซอร์มีความไวต่อแดดค่อนข้างมาก อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพ และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
  • เน้นการบำรุงที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวหน้า เนื่องจากผิวมีการสูญเสียน้ำ
  • ไม่ควรขัดผิว หรือทำการผลัดเซลล์ผิว และกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
  • งดการแคะ แกะ เกาสะเก็ดแผลบนใบหน้า ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำการรักษาอย่างเคร่งครัด

 

การรักษาสิวนั้นมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิวแบบไหนและมีความรุนแรงระดับใด ถ้าไม่รุนแรงมาก อาจใช้การทายาละลายสิวหรือกดสิวออก ส่วนการใช้เลเซอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสำหรับกรณีที่มีความรุนแรงมาก เช่น สิวอุดตันเต็มใบหน้า สิวอักเสบที่ต้องใช้การรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันการลุกลามและกลายเป็นรอยหลุมสิวตามมาได้

 

Leave a Reply