HIFU คืออะไร ทำแล้วดีอย่างไร

อายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพลงทุกวัน แม้ไม่อาจหยุดเวลาได้แต่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้ในทุกช่วงของชีวิต เรื่องความงามถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนสร้างความวิตกไปล่วงหน้า การดูแลตัวเองอย่างดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถช่วยได้ทุกเรื่อง ความหย่อนคล้อยย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแต่หากทำให้ใบหน้าดูล้ำกว่าอายุจริง แค่การออกกำลังกายและรับประทานอาหารคงไม่พอ นวัตกรรมใหม่ๆจึงถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้หญิงหลายคน HIFU ถือเป็นอีกเทคนิคที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เทคนิคนี้คืออะไรทำแล้วดีอย่างไร

HIFU คืออะไร

HIFU มีชื่อเต็มว่า High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มสูงพอที่จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังระดับลึก เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ ในที่นี้คือชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) เป็นชั้นที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันกับชั้นกล้ามเนื้อ ชั้นนี้มีความสำคัญมากต่อการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า มีความสัมพันธ์กับผิวหนังและชั้นไขมัน คลื่นที่ส่งผ่านลงไปจะทำให้ชั้นนี้เกิดการหดตัวคล้ายกับการเย็บเนื้อ เมื่อชั้น SMAS ถูกดึงให้ตึงผิวชั้นบนจึงเหมือนถูกดึงให้ตึงไปด้วย ผิวจึงดูยกกระชับขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

HIFU เหมาะกับใคร

เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25-35 ปี มีปัญหาริ้วรอยที่อยู่ในระดับไม่เยอะมาก เน้นในเรื่องของผิวกระชับและเนียนนุ่ม ส่วนผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปวิธีนี้อาจไม่เห็นผลสักเท่าไร รวมถึงผู้ที่มีไขมันสะสมที่แก้มค่อนข้างเยอะ

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดเจน อยากเพิ่มความคมชัดบริเวณแนวสันกราม
  • ต้องการยกกระชับใบหน้าและคอโดยไม่ต้องศัลยกรรม
  • ลดริ้วรอยรอบดวงตา ช่วยยกหนังตาตก ยกคิ้ว
  • ขอบตาล่างหย่อนยาน ลดถุงใต้ตาที่บวม
  • ร่องลึกบนใบหน้า เช่น มุมปากตก ร่องแก้ม
  • ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้แก้มและคางเรียวได้รูป
  • ปัญหาคางสองชั้น ต้องการลดเหนียงใต้คาง

ทำแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

กระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่เริ่มขึ้นหลังจากทำเพียงครั้งเดียว ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นทันทีภายหลังการรักษา พบว่าร่องแก้มตื้นขึ้น ริ้วรอยเล็กๆลดเลือนลง โดยรวมเห็นผลทันที 20-30%  ค่อยๆเห็นผลการรักษาเต็มที่ 3 เดือนเป็นต้นไป ใบหน้าจึงดูกระชับขึ้น

ส่วนในเรื่องของคอลลาเจนและอีลาสตินจะเห็นได้ว่าผิวดูเรียบเนียนเปล่งปลั่ง มีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้ากระจ่างใส จะชัดเจนมากขึ้นเมื่อได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง สามารถทำการรักษาเพิ่มเติม (touch up)ได้ทุกๆ 6 สัปดาห์ และทำการรักษาได้ 3 ครั้งภายใน 1 ปี และคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง และอาจได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อทำควบคู่กับเทคนิคอื่นๆ ซึ่งผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่เคยผ่านการฉีดฟิลเลอร์หรือการร้อยไหมมา สามารถทำ HIFU ได้เช่นกัน แต่ควรเว้นระยะ 1-2 เดือน ยิ่งทำให้ใบหน้าดูกระชับมากขึ้น

จุดเด่นของ HIFU

  • อย่างแรกเลยคือวิธีนี้ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่แสบร้อน แตกต่างจากการยกกระชับด้วยวิธีอื่นๆ เช่น Ulthera และ Thermage
  • สามารถทำได้บ่อยครั้ง และทำการรักษาร่วมกับวิธีอื่นได้
  • ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
  • รักษาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูง

ขั้นตอนการรักษา

ใช้ระยะเวลาในแต่ละครั้งประมาณ 30-40 นาที ตลอดการรักษาจะไม่รู้สึกแสบร้อนบนผิวหน้า เนื่องจากใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ความถี่สูงถึง 1,000 ครั้ง/วินาที รู้สึกอุ่นเล็กน้อย การส่งผ่านความร้อนนี้ทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อประมาณ 1 มิลลิเมตร เรียงเป็นแนวต่อเนื่องลักษณะคล้ายการเย็บ เป็นการยกกระชับผิวที่มีความแม่นยำและให้ผลการรักษาที่ดี

การดูแลตัวเองหลังทำ HIFU

แม้จะมีความปลอดภัยสูง ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อให้ได้รับความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงข้อปฏิบัติต่างๆ ผลข้างเคียงที่พบได้แต่ไม่รุนแรงคือ อาจมีรอยแดงเกิดขึ้นบ้างซึ่งพบแค่บางราย สามารถหายได้เองภายใน 1-2 ชั่วโมง

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดศัตรูร้ายของผิว ควรปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดอยู่เสมอ
  • สามารถใช้ครีมบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ เพียงแค่เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว
  • ไม่ควรถูหรือนวดหน้าแรงๆหลังจากทำ
  • งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นตัวการหลักในการทำลายคอลลาเจน
  • การรับประทานอาหารที่เอื้อต่อการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว

หลากหลายเทคโนโลยีทางความงามที่มีให้เลือกสรร ข้อดีคือสามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด แต่ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจทำ เลือกคลินิกความงามที่มีความน่าเชื่อถือ เทคนิคเฉพาะทางบางอย่างต้องผ่านการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดและให้ผลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้บริการ และอีกสิ่งที่ไม่ควรละเลยคือเรื่องของการดูแลตัวเองไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีการใดก็ตาม เพราะทางลัดไปสู่ความสวยคงอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น การดูแลตัวเองที่ดียังเป็นสิ่งสำคัญ หากสามารถเอาใจใส่ทั้งในเรื่องของการรับประทานอาหารที่ดี การพักผ่อนที่เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว ร่วมกับการใช้นวัตกรรมความงามควบคู่กันไป เพียงเท่านี้กาลเวลาก็ไม่มีผลกับความสวยอีกต่อไป

Leave a Reply