7. เคล็ดลับปลุกผิวเหนื่อยล้า ให้กลับมามีชีวิตชีวา

เคยไหมที่ใครๆต่างทักว่าช่วงนี้หน้าดูเหนื่อยๆ เมื่อร่างกายขาดการบำรุง เป็นธรรมดาที่ผิวจะดูไม่สดใสตามไปด้วย แต่อาจจะแย่กว่าตรงที่ผิวหน้าเป็นส่วนที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลากรูปแบบที่ส่งผลให้ผิวถูกทำร้าย เช่น ความร้อนจากแสงแดดเจิดจ้า การอดนอน มลพิษในสิ่งแวดล้อม ความเครียด ผิวจึงดูอิดโรยอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะกังวลไปมากกว่านี้ ลองทำตามเคล็ดลับดีๆที่นำมาฝากกัน มาดูกันว่าสามารถปลุกความสดชื่นของผิวให้กลับมาได้อย่างไร

1.ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวหน้าไม่ใช่แค่การใช้โฟมล้างหน้าอย่างเดียวแล้วทุกอย่างจะจบ ต้องเริ่มตั้งแต่การขจัดครีมกันแดด และคราบเครื่องสำอางให้หมดจด แล้วจึงตามด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีความอ่อนโยน แต่ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก เพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน อาจจะใช้แปรงล้างหน้าถูวนเบาๆเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดก็ได้เช่นกัน

2.ควรผลัดเซลล์ผิวบ้าง

การทับถมของเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ ผิวไม่สดใส ลองหาวิธีการผลัดเซลล์ผิวไม่ว่าจะอาศัยเทคนิคทางกายภาพหรือทางเคมี แล้วจะค้นพบว่าภายใต้หน้ากากแห่งความเหนื่อยล้า มีผิวพรรณที่พร้อมจะเปล่งประกายซ่อนอยู่ อย่าปล่อยให้รัศมีแห่งความงามต้องรออีกต่อไป

3.เลือกใช้สกินแคร์ดีๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

สิ่งที่ควรลงทุนให้กับใบหน้า ไม่ใช่เมคอัพราคาแพง ที่เน้นการปกปิดอำพรางความบกพร่องต่างๆ แต่เป็นสกินแคร์ดีๆสักตัว คำว่าดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป เลือกที่เข้ากับสภาพผิว ตรงกับปัญหาผิวที่อยากแก้ไข ใช้แล้วช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้  ลองหาเซรั่มหรือครีมบำรุงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมาใช้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเป็นอาวุธชิ้นสำคัญที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า พร้อมทั้งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด แล้วจะพบว่าผิวดูดีขึ้นได้เพียงแค่เลือกให้ถูก และต้องมีวินัยในการดูแลอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไป

4.ทำทรีทเม้นท์หน้ากับคลินิกเสริมความงาม

แค่การดูแลตัวเองแบบทั่วไปคงไม่พอ บางครั้งก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีด้านความงามกันบ้าง โดยเฉพาะสาวๆที่อายุขึ้นเลข 3 หรือมีปัญหาผิวพรรณค่อนข้างเยอะ บริการในคลินิกเสริมความงามมีให้เลือกสารพัด ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่ผิวสุขภาพดีควรจะเป็น บางเทคนิคไม่มีการใช้เข็มให้เจ็บตัวด้วยซ้ำ ข้อดีอีกอย่างคือ การได้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นการวิเคราะห์ถึงสาเหตุได้อย่างตรงจุด เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ช่วยเปลี่ยนจากผิวโทรมให้กลายเป็นผิวใสได้ไม่ยาก

5.บำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยการมาส์กหน้า

ผิวแห้งและขาดน้ำ คือผิวที่เหนื่อยล้า การมาส์กหน้าเป็นวิธีที่ง่ายและสามารถทำเองได้ที่บ้าน ต่างจากการทาครีมตรงที่การมาส์กจะช่วยดันสารบำรุงผิวที่มีความเข้มข้นเข้าสู่ผิว ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงขั้นสุด ปรับผิวให้ดูเรียบเนียน ลดความมันส่วนเกิน และเติมเต็มความชุ่มชื่นแบบเร่งด่วน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของผิวให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

6.ปกป้องผิวทุกวัน แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการทำให้ผิวแข็งแรงดูอ่อนเยาว์ การทาครีมกันแดดเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ ยิ่งผิวที่อ่อนแอง่าย อาจมีแนวโน้มสูงที่จะถูกเผาไหม้จากแสงแดด หรือผิวที่เป็นสิวง่ายก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ครีมกันแดดเช่นกัน เพียงแต่เลือกสูตรที่ปราศจากน้ำมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

7.ให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดี

ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันบวกกับเลือกรับประทานอาหารที่ดี เน้นที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงตามธรรมชาติ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลส้มหรือเบอร์รี่ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น ผิวสามารถดูดีขึ้นมาได้ แม้จะใช้เวลานานสักหน่อย แต่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว

ผิวสุขภาพดีมักจะเปล่งประกายความสดใสออกมาให้เห็นไม่จำเป็นว่าสภาพผิวเดิมจะเป็นเช่นไร เพียงแค่ใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอทั้งจากภายในและภายนอก ผิวพรรณที่ดูมีชีวิตชีวาก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Leave a Reply