5 วิธีในการเติม Collagen กลับสู่ผิวให้ดูเรียบเนียนและอิ่มเอิบ

ผิวพรรณที่เคยเรียบเนียนเต่งตึง ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา มนุษย์เราจึงสรรหาวิธีที่จะทดแทนบางสิ่งที่ร่างกายขาดหายไปหรือสร้างได้น้อยลง เช่นเดียวกับคอลลาเจนที่มีบทบาทอย่างมากในแวดวงความงาม ถือเป็นตัวแปรสำคัญของผิวนุ่มเด้ง เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งความอ่อนเยาว์ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในการฟื้นฟูการทำงานของคอลลาเจนในผิว วิธีใดบ้างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมทำกัน

คอลลาเจนคืออะไร

คอลลาเจน คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบในร่างกาย เป็นโครงสร้างหลักของผิว เส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ เนื้อเยื่อต่างๆ ตลอดจนผนังหลอดเลือด ทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ในร่างกายเข้าด้วยกัน

บทบาทของคอลลาเจนสำหรับผิว

ภายในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ประกอบด้วยคอลลาเจนถึง 75% มีคุณสมบัติเสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว ทำให้ผิวพรรณไม่เหี่ยว ไร้ริ้วรอย เต่งตึงกระชับ ในช่วงวัยเด็กจนถึงช่วงก่อนอายุ 20 ปีต้นๆ ผิวมีความสมบูรณ์ของคอลลาเจนสูง และหลังจากนั้นการสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลงเรื่อยๆ ตอนอายุ 30 ปีผิวจะสูญเสียคอลลาเจนประมาณ 1.5% เมื่ออายุ 40 จะสูญเสียมากถึง 15% นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมผิวถึงเกิดริ้วรอย บริเวณข้อต่อเริ่มไม่แข็งแรง ส่วนปัจจัยภายนอกเช่น รังสีUV  ไลฟ์สไตล์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล และการสูบบุหรี่ การสูญเสียคอลลาเจนในผิวเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เรายังสามารถชะลอความเสื่อมและรักษาผิวไว้ให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้

วิธีใดบ้างที่นิยมทำเพื่อฟื้นฟูคอลลาเจน

1.การรับประทานคอลลาเจน

เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก คอลลาเจนที่นิยมทานจะอยู่ในรูปแบบผง เป็นอาหารเสริมที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก สามารถชงดื่มหรือโรยบนอาหารได้ หรือเยลลี่ หลายแบรนด์มีคำโฆษณาที่ว่าร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนในรูปแบบที่ผ่านกระบวนการย่อยบางส่วน (Collagen Hydrolysate) เข้าไปเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง แต่ยังเป็นข้อถกเถียงถึงผลลัพธ์ที่ได้ ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างผิวที่ต่างกัน รวมถึงการเลือกรับประทานอาหาร และการดูแลตัวเอง ยังมีคำแนะนำให้รับประทานวิตามินซีและอีควบคู่อีกด้วย

2.ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน

ด้วยความที่คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ จึงไม่สามารถซึมผ่านไปสู่ชั้นหนังแท้ได้ ดังนั้นการใช้ครีมที่มีส่วนผสมนี้ซึมผ่านได้แค่ผิวชั้นนอกสุดเท่านั้น เช่นเดียวกับมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดอื่นที่เพิ่มความชุ่มชื่น แม้แต่การมาส์กหน้าแบบทั่วไป ยกเว้นว่าจะมีการใช้เครื่องมือในการผลักสารอาหารต่างๆเข้าสู่ผิว จึงเป็นเรื่องยากที่ครีมบำรุงจะมีประสิทธิภาพลดการสูญเสียหรือเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิวได้ ลองหาซื้อครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินซีและเอที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ

3.การฉีดคอลลาเจนเข้าสู่ผิวหนัง

เป็นวิธีเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวที่ได้ผลดี แต่เป็นการเสริมคอลลาเจนเฉพาะที่เท่านั้น ซึ่งการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ในรูปแบบคอลลาเจนยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยสารเติมเต็มที่ได้รับการรับรองให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยคือกรดไฮยาลูรอนิก

4.การบำบัดด้วยคอลลาเจน โดยการทำ Made Collagen

ใช้เทคนิค Mesotheraphyในการรักษา เป็นการฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง โดยแบ่งตัวยาออกเป็น 2 ส่วนคือ Made เช่น วิตามินรวม สารอาหารต่างๆ สารกลุ่ม Whitening หรือ Anti-Aging นำมารวมกับอีกส่วนหนึ่งคือ Collagen การทำงานของทั้งสองส่วนจะประสานกัน ลงลึกถึงระดับเซลล์ เสริมสร้างการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

5.กระตุ้นผิวหน้าด้วยคลื่นความถี่สูง

เป็นการส่งผ่านพลังงานจำนวนมากมายังผิวหนังชั้นลึก เพื่อให้ชั้นผิวหนังและเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกเข้าไปถูกกระตุ้น สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน และเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา ส่งผลให้ผิวชั้นบนดูเรียบเนียนกระชับ มีความนุ่มนวลขึ้น

แม้คอลลาเจนเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง และมีอยู่ในอาหาร แต่คอลลาเจนในผิวก็ถูกทำลายลงภายในระยะเวลาไม่นาน ส่วนหนึ่งมาจากมลภาวะและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ต่อให้พยายามทานอาหารเข้าไปทดแทนมากเท่าไหร่ กว่าจะเห็นผลต้องใช้เวลาหลายเดือน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงต่างมุ่งหาวิธีในการดูแลตัวเอง เพียงแค่เลือกให้เหมาะสม บางวิธีที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรศึกษาข้อมูลและเข้ารับคำแนะนำก่อนตัดสินใจ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง

 

Leave a Reply