4 เซตทรีทเม้นท์ สำหรับเตรียมตัวเป็น “เจ้าสาว”

การแต่งงานถือเป็นอีกช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิต ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและอบอวลไปด้วยความรัก เมื่อใกล้ถึงวันแต่งงาน แน่นอนว่าเจ้าสาวหลายคนต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องความงามและปัญหาผิวพรรณต่างๆ แต่ข้อจำกัดอยู่ที่เวลา จึงต้องหาทางลัดเพื่อให้ทันในวันงาน การทำทรีทเม้นท์จึงเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆในการปรนนิบัติดูแลผิวหน้าและผิวกาย มีวิธีการใดบ้างที่เหมาะสำหรับว่าที่เจ้าสาว

  1. ทรีทเม้นท์เพื่อผิวหน้ากระจ่างใส

ใบหน้าที่กระจ่างใสเปล่งประกาย ดูมีออร่าเป็นที่ปรารถนาของบรรดาว่าที่เจ้าสาวหลายคน ขั้นตอนและวิธีการมีให้เลือกต่างกัน เช่น การมาส์กหน้า การดีท็อกซ์ผิวหน้า การผลักวิตามินเข้าสู่ผิว ฯ  ขึ้นอยู่กับความต้องการ สภาพผิวหน้า และปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เช่น รอยดำจากสิว ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าตัวคุณเองต้องรู้ด้วยว่าผลการรักษาย่อมสอดคล้องกับระยะเวลา รวมถึงการดูแลตนเองหลังจากทำเสร็จ เช่น การทำเลเซอร์ สามารถทำได้ก่อนถึงวันแต่งงานอย่างน้อยสองสัปดาห์ เพื่อให้รอยแดงจางลง เซลล์ผิวที่สร้างขึ้นใหม่มีความแข็งแรงมากพอที่จะเผชิญกับแสงแดดได้

  1. กำจัดเส้นขนด้วยเลเซอร์

คงเป็นเรื่องน่ากังวลอยู่ไม่น้อย หากต้องคอยหลบซ่อนพร้อมกับแสดงท่าทางไม่มั่นใจเมื่อต้องยกแขนแล้วเผยให้เห็นถึงใต้วงแขนที่ถูกปกคลุมไปด้วยเส้นขนและไม่เรียบเนียน  ความฝันที่อยากใส่ชุดแต่งงานที่ต้องโชว์แผ่นหลังอาจต้องสะดุด ซึ่งการกำจัดขนมีหลายรูปแบบทั้งการโกน ถอน และแว็กซ์ แต่วิธีที่มีความสะดวก ปลอดภัย และเห็นผลเป็นที่น่าพอใจคือ การทำเลเซอร์กำจัดขน ที่สามารถทำได้ทั่วทั้งเรือนร่าง และยังส่งผลให้บริเวณที่ใช้เลเซอร์นั้นดูเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่งลำแสงเลเซอร์นี้จะทำลายเฉพาะรากขนแต่ไม่ทำลายเซลล์ข้างเคียง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรเตรียมความพร้อมของผิวก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน หลีกเลี่ยงการถอนหรือแว็กซ์ในบริเวณที่ต้องการกำจัดขนประมาณ 1 เดือน  ส่วนใครที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ วิธีนี้ช่วยให้กลิ่นจางหายได้เช่นกัน

  1. จัดการริ้วรอยและยกกระชับใบหน้า

บางครั้งไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น ใบหน้าก็มีริ้วรอยเกิดขึ้นได้เช่นกัน ที่แย่กว่านั้นคือผิวสูญเสียความยืดหยุ่นจนเกิดความหย่อนคล้อยดูแก่กว่าอายุ ความอ่อนเยาว์จึงเป็นสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวปรารถนา โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะแต่งงานเมื่ออายุเท่าไร ปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว หรือฝ้า อาจปกปิดได้ด้วยการลงรองพื้นแต่ไม่ใช่กับเส้นริ้วรอย การแก้ปัญหาเช่น

  • การฉีดโบท็อกซ์ที่นอกจากช่วยให้ริ้วรอยจางลงแล้วยังช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้ แต่ละจุดจะใช้เวลาต่างกันกว่าจะเห็นผล เช่น หน้าผาก รอยตีนกาใช้เวลา 3-7 วัน กราม 14-30 วัน และ กรอบหน้า ลำคอ 7-14 วัน
  • การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ผิวดูเต่งตึง
  • เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานจากคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงอย่างUltherapy เพื่อใช้ในการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยบริเวณใต้คิ้ว คาง และลำคอให้ตึงขึ้น วิธีนี้อาจใช้เวลา 3-6 เดือน เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องผลิตเส้นใยคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใหม่ ดังนั้นระยะเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการมากที่สุด
  1. หน้าใสไร้รอยหลุมสิวและผิวไม่เรียบเนียน

รอยหลุมสิวแม้ไม่แต่งหน้าก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งแต่งหน้าปกปิดมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงปัญหามากเท่านั้น สำหรับว่าที่เจ้าสาวการโบกครีมรองพื้นหนาเตอะคงไม่ใช่สิ่งที่ปรารถนาสักเท่าไหร่ เทคนิค Microneedling เป็นหนึ่งในทางออกที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนส่งผลให้รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยบางๆ และแผลเป็นจากหลุมสิวดูตื้นขึ้น เป็นการรักษาเพื่อฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเข็ม โดยจะใช้เข็มเล็กๆจำนวนมาก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ประมาณ 0.5 – 2 มิลลิเมตร ทำให้เกิดแผลเล็กๆบนผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนนั่นเอง

 

การเตรียมความพร้อมในเรื่องความงามสำหรับว่าที่เจ้าสาวนั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจส่วนบุคคล แต่เชื่อว่าแทบทุกคนอยากให้ตัวเองดูดีและสวยที่สุด ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดควรศึกษารายละเอียดและปรึกษาแพทย์ พูดคุยถึงแนวทางในการรักษา เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตัวเองมากที่สุด

Leave a Reply