4 วิธีจัดการกับริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างรวดเร็ว

ดวงตาเป็นอีกจุดที่สร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์บนใบหน้า แววตาที่เปล่งประกายออกมาช่วยขับให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น รวมถึงการใช้เทคนิคในการแต่งหน้าก็เป็นอีกทางที่ช่วยส่งเสริมจุดเด่นและกลบจุดด้อยของลักษณะดวงตา แต่การสัมผัสบริเวณรอบดวงตามากเกินไป แม้แต่การเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการเสียดสีซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา และเมื่ออายุมากขึ้นแน่นอนว่าทุกคนต้องเจอกับปัญหานี้ สำหรับบางคนอาจดูแย่เมื่อเทียบกับคนอื่น จะมีวิธีการใดบ้างที่ช่วยรับมือได้อย่างรวดเร็ว

1.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงรอบดวงตา

การทาครีมบำรุงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่เห็นผลช้าที่สุด โดยทั่วไปแล้วให้ผลในการป้องกันการเกิดริ้วรอยดีกว่าลดเลือนที่ต้องอาศัยระยะเวลานานกว่า ไม่ใช่ว่าครีมบำรุงผิวหน้าจะสามารถนำมาทาบริเวณรอบดวงตาได้ ความเข้มข้นที่สูงเกินไปคงไม่เหมาะกับผิวที่บอบบางซักเท่าไหร่ ครีมบำรุงรอบดวงตาจึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ และได้ผลดีกับริ้วรอยบางๆหรือสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย เลือกที่มีความชุ่มชื่นสูง มีทั้งรูปแบบครีมและเซรั่ม ซึ่งอย่างหลังจะซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีกว่า ไม่รู้สึกเหนอะหนะ ส่วนประกอบที่ควรมองหาคือ

  • วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติที่ช่วยในการลดความหมองคล้ำใต้ดวงตา สามารถช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยโดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อาจใช้เวลานานถึง 3 เดือนกว่าจะเริ่มเห็นผล
  • เรตินอล อีกหนึ่งส่วนผวมที่โดดเด่นในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนให้กับใช้ได้กับริ้วรอยลึก และยังช่วยลดรอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวอีกด้วย ความถี่ในการใช้เพียงแค่สัปดาห์ละครั้งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับช่วงแรก จากนั้นค่อยๆเพิ่มความถี่ขึ้นเรื่อยๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
  • กรดไฮยาลูโรนิค คุณสมบัติที่ช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื่นแก่เซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ช่วยในเรื่องริ้วรอยบางๆให้ดูตื้นขึ้น กรณีริ้วรอยลึกมากอาจไม่เห็นผล

2.Botox

เมื่อกล่าวถึงริ้วรอย หลายคนมักจะนึกถึงโบท็อกซ์ เป็นการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ แต่ไม่ใช่วิธีการป้องกันการเกิดริ้วรอย หลักการคือสารที่ฉีดเข้าไปจะลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ จนเกิดการคลายตัว ผิวหนังด้านบนจึงดูเรียบและเต่งตึงขึ้น ออกฤทธิ์เฉพาะที่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ใช้เวลาในการทำเพียงไม่กี่นาที แต่ผลลัพธ์ที่ได้อยู่นานถึง 4-6 เดือน มีข้อควรระวังคือวิธีการนี้ไม่เหมาะสำหรับทุกคน

3.Dermarolling

เป็นการใช้ลูกกลิ้งที่มีเข็มขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก กลิ้งลงไปบนผิวหน้าเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อาจฟังดูน่ากลัวแต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน มีขั้นตอนในการทำเพียงสัปดาห์ละครั้งภายในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยดูลดลง หลายคนอาจจะเคยเห็นอุปกรณ์ชนิดนี้มีจำหน่ายทั่วไป การที่จะทำด้วยตัวเองนั้นเสี่ยงเกินไป อาจเป็นการทำร้ายผิวแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ควรกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีที่สุด

4.Laser

เป็นการนำพลังงานความร้อนยิงตรงไปสู่เซลล์ผิวหนังทำให้เกิดความเสียหาย โดยไม่กระทบต่อผิวบริเวณอื่น เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในการฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่ได้ดูเรียบเนียนขึ้น หลายคนนิยมวิธีนี้เนื่องจากเจ็บน้อยกว่า เห็นผลรวดเร็วกว่า และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูงกว่า เลเซอร์นั้นมีหลายชนิดและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป มีข้อควรระวังคือหากไม่ได้รับการทำโดยผู้เชี่ยวชาญอาจทำให้ผิวไหม้ได้ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนังควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

 

ริ้วรอยรอบดวงตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เนื่องจากเกิดขึ้นได้ง่ายและมักจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนใบหน้า สำหรับสาวๆที่อายุน้อยควรรับมือตั้งแต่ต้น ส่วนสาวๆคนไหนที่เริ่มกังวลลองเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งการปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ง่ายต่อการตัดสินใจ และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

Leave a Reply