3 ประเภทการฉีดฟิลเลอร์ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการฉีดสารบางอย่างที่เป็นสารเลียนแบบสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มในส่วนที่เป็นริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม หน้าผาก ริ้วรอยรอบดวงตาทำให้ดูตื้นขึ้น ผิวจึงดูอิ่มเอิบเรียบเนียนนอกจากจะช่วยแก้ไขเรื่องริ้วรอยแล้วยังช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนอีกด้วย ซึ่งตัวฟิลเลอร์เองมีหลายประเภท ให้เลือกใช้ แล้วแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

ฟิลเลอร์แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  1. ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ อยู่ได้นาน 4-6 เดือน มีความปลอดภัยสูง
  2. ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent filler) อยู่ได้นาน 2 ปี มีความปลอดภัยในระดับปานกลาง
  3. ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent filler) เป็นประเภทสารเติมเต็มซิลิโคน หรือพาราฟิน ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ต้องขูดออกอย่างเดียวเท่านั้น อาจมีผลข้างเคียงได้ในระยะยาว สารกลุ่มนี้ราคาถูก และอันตราย จึงไม่แนะนำให้ฉีด

สารที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ชั่วคราวเนื่องจากเป็นสารที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ เช่น

  • กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid หรือ HA)

โดยปกติแล้วพบได้ในร่างกายตามผิวหนังและกระดูกอ่อน ที่นำมาใช้เป็นสารสกัดจากแบคทีเรีย อยู่ในร่างกายได้นาน 6-12 เดือน มีโอกาสแพ้น้อยมาก จึงมีความปลอดภัยสูง และมีราคาแพงกว่าชนิดอื่น หากฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้แล้วไม่ถูกใจ สามารถทำการแก้ไขโดยฉีด Hyaluronidase เข้าไปสลายฟิลเลอร์ในชั้นผิวหนังแท้ได้ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นจึงนิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย  มีหลายแบรนด์ให้เลือก เช่น

  • Juvéderm เป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ราคาไม่สูงเกินไป ใช้ได้ผลดีกับปัญหาร่องลึกปานกลางจนถึงลึกมาก สามารถนำมาฉีดแก้ไขริมฝีปากบางให้อวบอิ่มขึ้น และฉีดหลุมสิวให้ตื้นได้
  • Restylane หรือ Restylane-L ลักษณะการทำงานและราคาใกล้เคียงกับแบรนด์ Juvéderm คือฟิลเลอร์จะดูดซับน้ำในบริเวณที่ฉีดแล้วพองตัวเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ต้องการ ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน แต่ควรฉีดซ้ำทุก 4.5 เดือนหรือทุก 9 เดือน ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวในแต่ละคน หากไม่ฉีดซ้ำจะอยู่ได้เพียง 6 เดือน
  • Perlane เป็นแบรนด์ที่เหมาะสำหรับริ้วรอย หลุมสิวที่ลึกมากๆ ต้องการการเติมเต็มมากกว่า
  • คอลลาเจน (Collagen)

คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย ที่มีหน้าที่ช่วยเสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่นแก่อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย แหล่งคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์คือ คอลลาเจนจากสัตว์ อีกประเภทหนึ่งคือ คอลลาเจนที่มาจากเซลล์ของมนุษย์ เมื่อฉีดแล้วจะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ถือว่าสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ประเภทอื่น และต้องมีการทดสอบการแพ้โปรตีนก่อนทำการฉีดทุกครั้ง

  • โพลี่ แอล แลคติด แอซิด (Poly-L-lactic acid หรือ PLLA)

คือสารอุ้มน้ำที่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อในร่างกาย และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ PLLA ถูกใช้ในการแพทย์อย่างแพร่หลาย เช่น ไหมละลายและตะปูเกลียวยึดกระดูก ให้ผลนานถึง 2 ปี เป็นฟิลเลอร์ที่ได้ผลนานที่สุดในประเภทของฟิลเลอร์ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้

  • แคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทท์ (Calcium Hydroxyapatite หรือ CaHA)

คือแร่ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งพบได้ในกระดูกและฟันของมนุษย์ สามารถฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาบนใบหน้าและมือได้ อนุภาคของ CaHA จะเข้าไประงับปัญหาริ้วรอย โดยเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนเนื้อเจลชั่วคราว ให้ผลอยู่ได้นาน 18 เดือน

  • ไขมัน (Fat Filler หรือ Grafting)

เป็นการฉีดเติมเต็มด้วยไขมันของตนเอง เมื่อผ่านไป 1 ปี ร่างกายจะดูดซึมไขมันที่ฉีดเข้าไป มีข้อเสียคือ ต้องฉีดในปริมาณที่มาก เพราะไขมันบางเซลล์จะมีโอกาสตายได้ ทำให้ปริมาณที่ฉีดเข้าไปลดลง จึงต้องคอยฉีดซ้ำ

การฉีดฟิลเลอร์อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกจนน่าเหลือเชื่อ เพราะสารที่ใช้ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นอะไร รวมถึงอันตรายจากการฉีดจากผู้ที่แอบอ้างว่ามีความรู้ความสามารถ อย่างกรณีของหมอกระเป๋าเถื่อนที่รับฉีดตามสถานที่พักอาศัย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจมีอันตรายถึงชีวิต อีกสิ่งหนึ่งคือ ฟิลเลอร์ชนิดเดียวกัน ไม่สามารถฉีดและให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันในทุกคน ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์และใช้บริการจากคลินิกเสริมความงามหรือโรงพยาบาลจะดีกว่า

Leave a Reply