เป็นสิวหายเองได้ไหม คอร์สรักษาสิวเขาทำอะไรกัน

สิว จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะพ้นช่วงวัยรุ่นไปแล้ว หลายคนอาจหมดกังวลแต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าสิวจะไม่กลับมาเยือนอีก เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว หากมีสิวขึ้นบ้างเล็กน้อยคงไม่น่ากังวลเท่ากับการเป็นสิวเรื้อรังที่ไม่หายขาดสักที แถมยังทิ้งร่องรอยที่ยากแก้การรักษาอีกด้วย จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าสิวสามารถหายเองได้หรือไม่ แล้วคอร์สรักษาสิวตามคลินิกส่วนใหญ่ทำอะไรกันบ้าง

ทำความเข้าใจกันสักนิดว่า…สิวจัดเป็นโรคเรื้อรัง

หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับผิวหนังคือ “สิว” หลายคนมักคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความงามไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงขั้นต้องทำการรักษา แท้จริงแล้วสิวเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง นอกจากสภาพผิวหนังที่แย่ลงเมื่อเป็นสิว ยังทำให้ขาดความมั่นใจ จนอาจกลายเป็นความวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้าได้ในบางคน

แม้จะได้รับการรักษาจากแพทย์ผิวหนัง ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าสิวสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ เป็นมากหรือน้อยแตกต่างกันไป การรักษาอย่างต่อเนื่องสามารถลดโอกาสตรงนี้ได้ ซึ่งดีกว่าปล่อยให้หายเอง เพราะนั่นจะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม อาจไม่ใช่แค่สิวแต่ยังหมายถึงแผลเป็น โดยเฉพาะสิวในวัยผู้ใหญ่ที่เกิดเป็นหลุมลึกได้

ทำไมถึงควรไปหาแพทย์ผิวหนัง

เมื่อเป็นสิว สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดมาใช้เองได้หรือไม่ สำหรับบางคนที่ใช้แล้วหายก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่สำหรับบางคนที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที ขืนปล่อยไว้คงมีแต่พังกับพัง นั่นเป็นเพราะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าตัวเองเป็นสิวเพราะอะไร ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่อาจไม่เหมาะกับผิวหน้าของเรา ควรทำการรักษาแบบจริงจัง เพราะแพทย์ผิวหนังสามารถวิเคราะห์หาสาเหตุได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวหน้า การซักถามถึงประวัติการใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน การใช้ยาหรือแม้แต่อาการเจ็บป่วยบางอย่าง ดังนั้นการไปพบแพทย์จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

คอร์สรักษาสิวทำอะไรบ้าง

การรักษาสิวมีทั้งแบบยาทายากิน รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีควบคู่กับการรักษาขั้นพื้นฐาน แตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิก ส่วนใหญ่ที่นิยมทำกันมีดังนี้

• กดสิว ฉีดสิว
• กดสิวเป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาช่วยให้สิวหายเร็ว ป้องกันสิวอุดตันที่มีโอกาสพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ เป็นการบีบผิวบริเวณที่เป็นสิวให้สิ่งที่อุดตันภายในออกมา ได้ผลดีกับสิวอุดตันและหลีกเลี่ยงการกดสิวอักเสบ
• ฉีดสิวเป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยม ตัวยาที่ใช้เป็นกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ใช้กับสิวชนิดรุนแรงอย่างสิวซีสต์ ช่วยลดการอักเสบและหยุดยั้งการทำงานของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวยุบลงและลดความเสี่ยงจากการเกิดหลุมสิว ซึ่งยาตัวนี้มีข้อจำกัดในการใช้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
• ทำทรีตเมนต์ต่างๆ
• มาส์กหน้าสำหรับผิวเป็นสิว ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ช่วยลดความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Tea Tree Oil ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว (P.acnes), โคลนที่มีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรกและความมัน เป็นต้น
• Detox Treatment ช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก คืนความสดใสให้แก่ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญกับมลภาวะต่างๆ ช่วยลดสิวอุดตัน และผื่นแพ้บนใบหน้า
• ผลัดเซลล์ผิว เป็นการขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ที่นิยมใช้กันคือ AHA และ BHA เนื่องจากการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลงเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น มลภาวะ การพักผ่อนน้อย ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ขี้ไคล ผิวจึงดูหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง อุดตันง่าย
• ผลักวิตามินหรือตัวยาด้วยเครื่อง หรือที่รู้จักกันในนามไอออนโต (Iontophoresis) เป็นการใช้เครื่องมือที่มีประจุไฟฟ้าอย่างอ่อนช่วยให้รูขุมขนเปิดกว้างขึ้น เป็นสื่อกลางทำให้วิตามินหรือยาแทรกซึมลงไปยังผิวหนังได้มากกว่าการทาครีม
• Blue Light Therapy เป็นเทคโนโลยีการฉายแสงสีฟ้าเพื่อช่วยลดและฆ่าเชื้อสิว เหมาะกับสิวทุกประเภทโดยเฉพาะสิวอักเสบ สิวอุดตันจำนวนมาก และปัญหาสิวเรื้อรัง รวมถึงช่วยในเรื่องของความมันบนใบหน้าอีกด้วย
• Laser กำจัดสิวอุดตันได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเปิดหัวสิวที่อยู่ลึกใต้ผิวหนังแบบที่การกดสิวทั่วไปไม่สามารถทำได้ เหมาะสำหรับคนที่เป็นสิวอุดตันเยอะๆ

หากจะให้ตอบว่าเป็นสิวสามารถหายเองได้หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิวลักษณะใด มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ระดับความรุนแรงแบบใด ส่วนในเรื่องของการรักษาโดยเฉพาะสิวเรื้อรังนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและควรทำอย่างยิ่ง การปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญนอกจากจะทำให้สิวหายแล้ว ยังได้รับความรู้ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ รวมไปถึงการใส่ใจในการดูแลผิวหน้าตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดไปจนถึงการบำรุง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว เพียงเท่านี้ปัญหาสิวก็จะไม่มากวนใจอีกต่อไป