ผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้หน้าขาวขึ้นได้จริงหรือ

แม้จะพยายามปกป้องผิวอย่างเต็มที่ แต่บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงกับการเผชิญแสงแดด โดยเฉพาะสาวๆที่มีไลฟ์สไตล์และการทำงานที่เน้นสถานที่กลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาใบหน้าที่ดูหมองคล้ำ มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นสิ่งแรกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนจึงเลือกวิธีการผลัดเซลล์ผิว เพราะคิดว่าจะทำให้หน้าดูขาวขึ้น รวมไปถึงสาวๆที่อยากมีเฉดสีผิวที่สว่างกว่าเดิม แล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมาในรูปแบบไหน มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มาหาคำตอบกัน

การผลัดเซลล์ผิวคืออะไร

กระบวนการในการผลัดเซลล์ผิว เกิดขึ้นบริเวณส่วนบนสุดของชั้นหนังกำพร้า เซลล์ผิวชั้นนอกสุดเป็นเซลล์ที่มีอายุมากที่สุด เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพ เซลล์เกิดใหม่จะดันตัวขึ้นมาแทนที่ ทำให้เกิดการหลุดออกกลายเป็นขี้ไคล ซึ่งใช้ระยะเวลาต่างกันตามสภาพผิวแต่ละคน การผลัดเซลล์ผิวของผู้ที่มีผิวมันทำได้ช้ากว่าผิวแห้ง

ทำไมต้องผลัดเซลล์ผิว

โดยธรรมชาติแล้วผิวจะมีการผลัดเซลล์ทุก 3 สัปดาห์ แต่ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมลภาวะที่ต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้ง เช่น แสงแดด สารเคมี ฝุ่นควัน จนเกิดการสะสมบนผิวหนัง ความสามารถและประสิทธิภาพในการแบ่งตัวของเซลล์จึงไม่ค่อยดีและลดน้อยลง   เซลล์เก่าที่ตายแล้วมักจะไม่ยอมหลุดออกไปง่ายๆทั้งยังเกาะอยู่รวมกัน ส่งผลให้เซลล์มีการหลุดลอกช้า ใบหน้าจึงหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ

ผลัดเซลล์ผิวทำได้อย่างไร และมีกี่วิธี

เพื่อเป็นการคงสภาพผิวให้ดูดีอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการเร่งการผลัดเซลล์ผิว มี 2 วิธีคือ

  • Physical Exfoliation

เป็นการผลัดเซลล์ผิวโดยใช้แรงทางกายภาพ หมายถึงการออกแรงในการขัดผิวนั่นเอง เช่น การสครับ การขัดหน้าด้วยแปรงหรือใยบวบ การกรอผิวด้วยอัญมณี วิธีนี้มีข้อเสียคือ เป็นการสร้างความระคายเคืองให้กับผิว เนื่องจากขนาดของเม็ดสครับที่ใหญ่ มีเหลี่ยม เช่น น้ำตาล เกลือ จึงไม่เหมาะกับผิวที่ไวต่อการถูกกระตุ้น ผิวแห้ง ผิวอักเสบ ผลลัพธ์ที่ได้คือช่วยให้หน้าดูใสขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เพราะเป็นเพียงแค่การขัดขี้ไคลเท่านั้น

  • Chemical Exfoliation

เป็นการใช้สารเคมีทาลงบนใบหน้า เพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิว เป็นวิธีที่ได้ผลดีกว่าแบบแรก เพราะสามารถผลัดเซลล์ได้ทั่วถึงทั้งใบหน้า และมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่า หลักการคือ ก่อให้เกิดแผลที่ผิวหนัง ซึ่งต้องเป็นระดับที่ควบคุมได้ จากนั้นร่างกายจะเร่งกระบวนการซ่อมแซมผิวใหม่ ผลที่ได้คือ ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ริ้วรอยตื้นขึ้น สารที่ใช้ เช่น

  • AHA (Alpha Hydroxy Acid) เรียกให้เข้าใจง่ายคือ กรดผลไม้ เช่น Glycolic acid, Citric acid, Lactic acid ทำหน้าที่ให้เซลล์ที่ยึดเกาะกันแน่นคลายลง เซลล์ผิวจึงหลุดออกได้ง่าย และกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวใหม่แทนที่ รวมถึงเริมสร้างคอลลาเจน เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
  • BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นกรดที่ได้จากการสังเคราะห์ ไม่เสื่อมสลายง่ายเหมือน AHA ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคือ Salicylic acid แม้จะทำให้ผิวหนังหลุดลอกได้เร็วกว่า แต่มีความระคายเคืองมากกว่า และอาจแห้งเป็นขุยได้ นิยมนำมาใช้ในการลอกหูด หรือฝ้ากระ

ซึ่งวิธีแบบ Chemical Exfoliation นั้น ไม่เพียงแค่ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดเท่านั้น แต่สามารถลงลึกบริเวณส่วนบนของชั้นหนังแท้ได้อีกด้วย (Upper dermis) ช่วยให้โครงสร้างและสีผิวเปลี่ยนแปลงได้ การทำทรีตเม้นต์ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิว  เช่น CO2 laser, Fraxel Laser, IPL ฯ กรณีของการใช้เลเซอร์จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง ทั้งเทคนิคในการใช้เครื่องมือ ระดับพลังงาน และการเลือกชนิดของเครื่องมือให้เหมาะกับปัญหา เพราะมีความเสี่ยงที่ผิวไวต่อแสงแดด และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีมากขึ้น ทำให้จุดด่างดำมีสีที่เข้มขึ้น และรักษาได้ยากกว่าเดิม จึงต้องมั่นใจว่าอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

ผลัดเซลล์ผิวดีอย่างไร

ในส่วนของ Chemical Exfoliation ซึ่งเห็นผลได้ดีกว่า ช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใสขึ้น แก้ไขปัญหารูขุมขนกว้างหรืออุดตัน ริ้วรอยดูตื้นขึ้น  ลดปัญหาสิวอุดตัน รอยสิวดูจางลง และเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว

การผลัดเซลล์ผิวไม่เพียงแต่จะเป็นการช่วยให้ผิวทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากเซลล์ผิวเสื่อมสภาพอีกด้วย หลังจากผ่านขั้นตอนการทำแล้วควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เน้นให้ความชุ่มชื่นในการบำรุงผิว ก็จะสามารถมีใบหน้าที่ดูสวยใสได้อย่างแน่นอน

Leave a Reply