4 เทคนิคในการเลือกใช้สกินแคร์ช่วยลดการเกิดสิว

ปัญหาสิวไม่ว่าจะเป็นสิวประเภทไหน เป็นทั่วทั้งใบหน้าหรือแค่บางจุด แต่ละคนให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป หากทำไม่ถูกวิธีอาจส่งผลให้สถานการณ์สิวบนใบหน้ารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับสาวๆคนไหนที่มีสิวขึ้นประปรายแวะมาทักทายเป็นระยะ นอกจากการหาวิธีที่จะกำจัดแล้ว ก็ไม่ควรที่จะละเลยการบำรุงผิวควบคู่ไปด้วยเช่นกัน อย่าลืมว่าเมื่อสิวหายมักจะฝากร่องรอยให้ช้ำใจอยู่เสมอ ลองใช้เทคนิคง่ายๆในการเลือกสกินแคร์ที่ช่วยลดการเกิดสิว เพราะผิวไม่ควรที่จะเผชิญกับความเสี่ยงอีกต่อไป

1.หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีน้ำหอม และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

อันดับแรกก่อนการตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตาม ให้สังเกตและอ่านฉลากให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงที่จะแพ้ ถือเป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดสิว เช่น

  • Fragrance Free คือปราศจากส่วนผสมที่เป็นน้ำหอม (ที่สังเคราะห์จากสารเคมี) ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ในผิวที่บอบบาง
  • Non-alcohol ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งมักพบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคนผิวแห้ง เป็นสาเหตุให้น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติจะถูกกำจัดออกไป ทำให้ผิวมีความแห้งตึงและระคายเคืองง่าย
  • ในกรณีคนที่แพ้สารกันเสียที่เป็นพาราเบน พยายามใช้ผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า Paraben Free

แม้แต่สกินแคร์ที่ระบุว่ามาจากธรรมชาติ 100% ก็ไม่ได้การันตีว่าเมื่อใช้แล้วจะไม่มีโอกาสที่ก่อให้เกิดการแพ้ ถ้าอยากได้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นให้มองหาคำว่า

  • Dermatologically Tested แปลว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยต่อผิว ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
  • Hypoallergenic Tested แปลว่าผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาเพื่อผิวแพ้ง่าย โดยทดสอบมาแล้วว่ามีโอกาสเกิดการแพ้น้อยกว่าปกติ คือปราศจากสารที่มักทำให้เกิดอาการแพ้

2.มองหาคำว่า Non – comedogenic บนฉลาก

คำว่า comedogenic เป็นศัพท์ทางวิชาสาขาโรคผิวหนัง หมายถึง รูขุมขนอุดตัน ผลิตภัณฑ์ที่ระบุคำว่า Non – comedogenic นั่นหมายความว่า ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการอุดตัน จึงลดการเกิดสิวอุดตัน แต่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่า แม้จะระบุอยู่บนฉลาก ก็ไม่สามารถรับประกันได้ 100% ว่าจะไม่เกิดการอุดตัน เพราะยังมีปัจจัยอื่น เช่น ปริมาณที่ใช้ ขนาดของรูขุมขน การทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่ดีพอ อย่าลืมว่าคนที่เป็นสิวส่วนใหญ่จะมีผิวที่มัน และตามมาด้วยปัญหารูขุมขนกว้าง ดังนั้นพยายามเลี่ยงไม่ให้เกิดการอุดตันจะดีที่สุด

3.Anti – Blemish ลดการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มอยเจอร์ไรซ์ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาให้ช่วยดูแลปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด มักจะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา แห้งไว รู้สึกผ่อนคลายสบายผิว เข้ากับทุกสภาพผิว ช่วยรับมือและลดโอกาสการเกิดสิวในอนาคต แต่ละแบรนด์มีลักษณะเด่นแตกต่างกันไป อาจมีตัวที่ช่วยเสริมการขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ รวมถึงลดการอักเสบของผิว ช่วยปลอบประโลมผิว รอยแดงจากสิวจางลง แต่มีข้อควรระวังคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ในบางยี่ห้อ ร่วมกับการใช้ยารักษาสิวอาจทำให้ผิวแห้งจนเกินไป แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้

4.สำหรับสาวผิวมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Oil Control

เมื่อความมันส่วนเกินบนใบหน้ารวมกับสิ่งสกปรก และเมคอัพที่หลงเหลือจากการล้างหน้าไม่สะอาด แน่นอนว่าสิวต้องมาเยือนอย่างแน่นอน สาวผิวมันยังคงต้องการมอยเจอร์ไรเซอร์ในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวเช่นกัน แต่กรณีนี้ควรใช้เท่าที่จำเป็น เพราะคนที่เป็นสิวง่ายสภาพผิวจะมัน ซึ่ง Oil control จะช่วยควบคุมความมัน ลดการอุดตันผิว แต่ถ้าเป็นคำว่า Oil Free  ผลิตภัณฑ์จะไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเลย จึงเหมาะสำหรับสาวๆที่มีผิวมันมาก หากจะบอกให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันไปเลยสำหรับคนที่เป็นสิวก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะไม่ใช่ว่าน้ำมันทุกตัวจะทำให้เกิดการอุดตันเช่น Mineral oil, Shear butter, Argan oil เป็นต้น แค่เลือกให้เหมาะสมก็พอ

การเลือกใช้สกินแคร์ให้ตรงกับสภาพผิว ถือเป็นวิธีที่ช่วยลดปัญหาสิวในเบื้องต้น ควรพิถีพิถันในเรื่องของการทำความสะอาด ไปจนถึงการดูแลสุขภาพผิวจากภายในอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้การมีใบหน้าที่ใสไร้สิวก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Leave a Reply